ผิวสมดุล กับ ผิวเสียสมดุล ต่างกันอย่างไร?

ซึ่งในทางตรงกันข้าม ผิวที่เสียสมดุล คือ มักจะเกิดการระคายเคืองง่าย มีค่า pH Balance เป็นกรดหรือเบส

เริ่มมีริ้วรอยบนผิวหน้า มีผิวแห้งหรือมันเกินไป จนเกิดเป็นสิวบนผิวหน้าในที่สุด

ซึ่งผิวเสียสมดุล มักเกิดจากหลายๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จึงส่งผลให้ผิวมีค่า pH Balance ที่ไม่สมดุล

pH Balance คือ ค่าความสมดุลของผิว ถ้าผิวหน้ามีค่า pH Balance เป็นกรด จะส่งผลทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น

หรือถ้า pH Balance มีค่าเป็นด่าง ก็จะทำให้ผิวขาดความแข็งแรง

เพราะฉะนั้น เราต้องดูแลผิวหน้า ให้ค่า pH Balance เป็นกลาง (pH 5-6) อยู่เสมอ เพื่อรักษาสมดุล ให้ผิวสุขภาพดี

แต่ถ้าผิวหน้าตอนนี้ ผิวเสียสมดุลไปแล้วล่ะ จะทำยังไงดี?

4 ทริค คืนความสมดุลให้กับผิว

การดูแลผิวอย่างถูกวิธี คือ การเริ่มต้นที่ดีของการคืนความสมดุลให้กับผิว ด้วยวิธีการง่ายๆ เหล่านี้

- ผิวจะสมดุลไม่ได้ หากไม่ได้ทำความสะอาดให้เหมาะสม
- การทำความสะอาดผิวหน้า จึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญของการดูแลผิวหน้า
- เพียงแค่ใช้ เจลล้างหน้า และคลีนซิ่ง ที่มีความอ่อนโยนสูง ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก พร้อมคงความชุ่มชื้นของผิวไว้ และไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

- การนอนพักผ่อนเป็นการดูแลสุขภาพร่างกายและผิวพรรณที่ง่ายที่สุด เพราะการนอนนั้นมีผลโดยตรงต่อสุขภาพผิว
- การนอนจะทำให้ร่างกายเกิดการซ่อมแซม ฟื้นฟู สร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่าในร่างกาย
- ช่วยป้องกันผิวแก่ก่อนวัย และยังช่วยให้ผิวหน้าสดใสรับวันใหม่อีกด้วย

- หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยเกินไป ควรล้างหน้าวันละ 1-2 ครั้ง
- ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าหลังล้างหน้าทุกครั้ง เพราะ โทนเนอร์จะทำหน้าที่ปรับสมดุลให้กลับมาเป็นปกติ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีมลภาวะ ฝุ่นละออง
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารเคมีที่รุนแรง

เลือกใช้ครีมที่เหมาะกับสภาพผิว เช่น
- ผิวแห้ง ควรเลือกใช้ Skincare ที่ช่วยเรื่องเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
- ผิวแพ้ง่าย ควรเลือกใช้ Skincare ที่อ่อนโยนต่อสภาพผิว และปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ส่วนผิวมัน ควรเลือกใช้ Skincare เนื้อเบาบาง และปราศจากน้ำมันเป็นส่วนประกอบ
- ผิวที่หมองคล้ำ ควรเลือกใช้ Skincare ที่มีส่วนประกอบของวิตามิน C เป็นต้น

เพียงเท่านี้ คุณ…ก็เริ่มต้นการมีผิวที่สมดุล แลดูสุขภาพดีได้แล้ว!!!