GMP กับ ISO ต่างกันอย่างไร

เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์มากขึ้น มาตรฐานโรงงานจึงไม่ใช่แค่ “เรื่องเบื้องหลัง” อีกต่อไป สำหรับเจ้าของแบรนด์ การเข้าใจว่า GMP กับ ISO ต่างกันอย่างไร คือจุดเริ่มต้นของการเลือกพาร์ตเนอร์โรงงานที่เหมาะสม เพราะมาตรฐานที่แบรนด์เลือกใช้ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือทั้งใน และนอกประเทศ บทความนี้ Cosmina จะพาคุณแยกแยะความแตกต่าง พร้อมชี้ให้เห็นว่าแต่ละมาตรฐานมีผลต่อธุรกิจคุณอย่างไร

ความหมายของ GMP และ ISO

GMP (Good Manufacturing Practice) คือหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต ซึ่งเป็นชุดมาตรฐานสากลที่กำหนดแนวทางในการควบคุมกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ ปลอดภัย มีคุณภาพสม่ำเสมอ และได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นยา อาหาร เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ ล้วนต้องมีความสะอาด ความปลอดภัย และการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน GMP จึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการผลิต โดย GMP แบ่งออกได้เป็น 3 ระดับหลัก ได้แก่

  1. GMP ขั้นพื้นฐาน
    เป็น GMP สำหรับโรงงานขนาดเล็ก โรงงาน OEM ที่ผลิตในประเทศ ธุรกิจเริ่มต้น (กลุ่ม SME หรือกลุ่ม Start-up) และแบรนด์ที่ยังไม่เน้นส่งออก โดย GMP ระดับนี้ไม่ซับซ้อนมาก แต่ยังคงมีแนวทางชัดเจนในการควบคุมการผลิต เน้นทั้งเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบ การควบคุมคุณภาพพื้นฐาน
  1. GMP มาตรฐาน อย.
    เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า GMP กฎหมายไทย (อ้างอิงจากประกาศกระทรวงฯ เครื่องสำอาง พ.ศ. 2561) มีความเข้มงวดกว่า GMP ขั้นพื้นฐาน เป็นข้อกำหนดตามกฎหมายที่โรงงานเครื่องสำอางในไทยต้องมีหากจะดำเนินกิจการอย่างถูกต้อง ตัวอย่างข้อกำหนด เช่น ต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับ แผนการฝึกอบรมพนักงาน และตรวจสุขภาพ เหมาะกับโรงงานขนาดกลางถึงใหญ่
  1. GMP ระดับสากล
    เหมาะสำหรับโรงงานที่ผลิตสินค้าส่งออกต่างประเทศ หรือแบรนด์ที่ต้องการยกระดับสู่มาตรฐานสากล โดยจะมีข้อกำหนดเข้มงวดกว่าทุกระดับเพราะต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ องค์การอนามัยโลก (WHO) หรือ – Codex Alimentarius (FAO/WHO) เน้นระบบคุณภาพ และการควบคุมความเสี่ยงแบบครบวงจร เช่น ต้องมีระบบวิเคราะห์ความเสี่ยง ระบบควบคุมการปนเปื้อน มีการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ในห้องแลบที่ได้มาตรฐาน เป็นต้น
    ISO (International Organization for Standardization) คือองค์กรระหว่างประเทศด้านการกำหนดมาตรฐาน มีหน้าที่กำหนดมาตรฐานที่เป็นกลาง และสากล เพื่อใช้ควบคุมคุณภาพ ความปลอดภัย การจัดการสิ่งแวดล้อม และการดำเนินงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดย ISO ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง คือ
    – ISO 22716
    เป็น ISO สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางโดยเฉพาะ ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการคุณภาพของกระบวนการผลิต การจัดเก็บ และการควบคุมคุณภาพ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย และได้มาตรฐาน อีกทั้ง ISO นี้ยังเป็นที่ยอมรับของสหภาพยุโรป และประเทศที่มีกฎเข้มงวด
    –  ISO 9001
    ISO ประเภทนี้เกี่ยวกับระบบการบริหารการจัดการคุณภาพขององค์กร มุ่งเน้นการสร้างระบบงานที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส วัดผลได้ สามารถใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรม ไม่จำกัดเฉพาะเครื่องสำอาง และยังเป็น ISO ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก
    –  ISO 14001
    เหมาะสำหรับโรงงานที่ต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเน้นการจัดการของเสีย มลภาวะ และการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน การมี ISO ประเภทนี้จะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ และยังเป็นจุดแข็งของโรงงานที่ต้องการดึงดูดลูกค้าต่างประเทศ

แม้ว่า GMP จะเน้นกระบวนการผลิต และ ISO จะเน้นระบบบริหารจัดการ แต่หลายคนยังคงสงสัยว่า GMP กับ ISO ต่างกันอย่างไร และจำเป็นต้องมีทั้งคู่หรือไม่ คำตอบขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางธุรกิจ และตลาดที่คุณต้องการไปถึง

ความสำคัญของ GMP กับ ISO ต่อโรงงาน

ความสำคัญของ GMP กับ ISO

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของโรงงานหรือเจ้าของแบรนด์ การเข้าใจว่า GMP กับ ISO ต่างกันอย่างไร จะช่วยให้คุณวางแผนเลือกโรงงานที่ตอบโจทย์ได้อย่างแม่นยำ เพราะมาตรฐานทั้งสองส่งผลต่อทั้งคุณภาพผลิตภัณฑ์ ภาพลักษณ์ และโอกาสในตลาดสากล

  • ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนการผลิตมีความปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และยังทำให้ลูกค้ามองว่าโรงงานมีระบบบริหารจัดการที่ดี สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และมีประสิทธิภาพ
  • เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน และส่งออกตลาดต่างประเทศ  โดยเฉพาะในยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เพราะประเทศเหล่านี้มักกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ต้องผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO และ GMP นอกจากนี้ โรงงานที่มี ISO 22716 จะผ่านข้อกำหนดของ EU ได้ง่ายขึ้น
  • บังคับให้โรงงานต้องควบคุมจุดเสี่ยงอย่างเคร่งครัด เช่น ความสะอาดของอุปกรณ์ แหล่งน้ำวัตถุดิบ หรือสุขอนามัยของพนักงาน และช่วยเน้นเรื่องการจัดทำเอกสาร และการบริหารจัดการคุณภาพเชิงระบบ ทำให้ลดความผิดพลาดที่เกิดซ้ำได้
  • มาตรฐานทั้งสองช่วยให้โรงงานมีการวางแผน ควบคุม ตรวจสอบ และปรับปรุงอย่างเป็นระบบ ลดต้นทุนจากความผิดพลาด เช่น สินค้าชำรุด การคืนของ หรือการถูกเรียกคืนสินค้า
  • โรงงานที่ผ่านการรับรอง ISO และ GMP สามารถใช้ใบรับรองเหล่านี้ในการโปรโมตสร้างความน่าเชื่อถือ เป็นเครื่องยืนยันว่าโรงงานมีมาตรฐานระดับโลก
  • ISO โดยเฉพาะ ISO 14001 และ ISO 45001 ช่วยให้โรงงานวางแผนด้านสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยได้อย่างเป็นระบบ เหมาะกับยุคที่ตลาดให้ความสำคัญกับ Green Factory, ESG, Carbon Footprint

มาตรฐานคือจุดชี้วัดความน่าเชื่อถือของโรงงานในสายตาของเจ้าของแบรนด์ และคู่ค้า GMP และ ISO จึงเป็นมากกว่าใบรับรอง แต่คือความได้เปรียบในระยะยาว เพราะอย่างนั้น การเข้าใจว่า GMP กับ ISO ต่างกันอย่างไร คือหัวใจของการเลือกพาร์ตเนอร์ที่เหมาะกับแบรนด์

หากท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว