
เทรนด์ความงามในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทำให้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิมอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป เทคนิค Cold Process จึงถูกนำมาใช้เพื่อรักษาคุณค่าของสารสกัดให้คงอยู่ครบถ้วนมากขึ้น และบทความนี้ Cosmina จะพาคุณไปทำความรู้จักว่า Cold Process คืออะไร และทำไมจึงเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการผลิตครีมไวท์เทนนิ่ง และสกินแคร์ต่าง ๆ ให้โดดเด่น แตกต่างจากคู่แข่ง
Cold Process คืออะไร
Cold Process คือ กระบวนการผลิตสกินแคร์โดยไม่ใช้ความร้อน หรือใช้ความร้อนในปริมาณที่น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น โดยจะทำการผสม และคนส่วนผสมต่าง ๆ เข้าด้วยกันในอุณหภูมิห้อง หรืออุณหภูมิที่ต่ำกว่าปกติ เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัส และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ ซึ่งแตกต่างจากการผลิตแบบ Hot Process ที่ต้องใช้ความร้อนสูงเพื่อผสมส่วนผสมที่เป็นของแข็งให้ละลายเข้ากัน โดย Cold Process มีข้อดีคือ
- คงคุณภาพสารสกัดได้สูงสุด : สารสกัดจากธรรมชาติหรือสารออกฤทธิ์บางชนิด เช่น วิตามินซี เรตินอยด์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ มีความไวต่อความร้อนสูงมาก การใช้ความร้อนในการผลิตอาจทำให้สารเหล่านี้เสื่อมสภาพ และประสิทธิภาพลดลง การผลิตแบบ Cold Process คือวิธีที่ช่วยรักษาสารสำคัญเหล่านี้ให้คงอยู่ได้อย่างครบถ้วน เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เน้นสารออกฤทธิ์จากธรรมชาติ เช่น การผลิตครีมไวท์เทนนิ่ง เป็นต้น
- ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : เนื่องจากไม่ต้องใช้ความร้อนในการผลิต จึงช่วยลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตลงได้มาก
- รักษาเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ : การไม่ใช้ความร้อนช่วยให้ผลิตภัณฑ์คงเนื้อสัมผัส และคุณสมบัติทางกายภาพได้อย่างดี ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความคงตัว และไม่แยกชั้น

ประเภทผลิตภัณฑ์ที่นิยมใช้ Cold Process
โดยทั่วไปแล้ว การใช้วิธีผลิตรูปแบบอาจจะนี้ไม่ได้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ทุกชนิด แต่มักจะเหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น
- เซรั่ม และเอสเซนส์ : ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มักมีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ในปริมาณสูง การใช้ Cold Process จะช่วยให้สารสำคัญอย่างวิตามินซี หรืออนุพันธ์เรตินอล ไม่ถูกทำลายจากความร้อน ทำให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพสูงสุดในการบำรุงผิว
- ผลิตภัณฑ์ที่เน้นการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก : เช่น ครีมบำรุงผิวบางชนิดที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก หรือเซราไมด์ การผลิตแบบ Cold Process จะช่วยให้สารเหล่านี้คงคุณสมบัติในการเติมเต็มความชุ่มชื้น และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวได้อย่างเต็มที่
- ผลิตภัณฑ์ที่เน้นสารสกัดธรรมชาติ : หากแบรนด์ของคุณต้องการผลิตครีมไวท์เทนนิ่ง หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ใช้สารสกัดจากพืชเป็นส่วนผสมหลัก เช่น สารสกัดจากชาเขียว หรือใบบัวบก การผลิตแบบ Cold Process จะช่วยรักษาคุณค่าของสารสกัดเหล่านี้ให้คงอยู่ครบถ้วน
ข้อจำกัดของ Cold Process
แม้ว่าการผลิตแบบ Cold Process จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจเลือกวิธีการผลิตนี้ ได้แก่
- กระบวนการที่ซับซ้อน
Cold Process คือการผลิตที่ต้องใช้ความแม่นยำ และประสบการณ์สูงในการผสมส่วนผสมให้เข้ากันเนื่องจากไม่มีความร้อนเป็นตัวช่วย ซึ่งอาจทำให้กระบวนการผลิตมีความซับซ้อน และต้องใช้เวลามากกว่าปกติ
- ไม่เหมาะกับทุกส่วนผสม
ส่วนผสมบางชนิด เช่น สารที่มีความหนืดสูง หรือเป็นของแข็งจำเป็นต้องใช้ความร้อนในการผลิต เพื่อให้สามารถเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ หากใช้ Cold Process อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่เข้ากัน และแยกชั้นได้
- โอกาสในการปนเปื้อนสูง
การไม่ใช้ความร้อนอาจทำให้มีโอกาสที่เชื้อจุลินทรีย์จะปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์ได้มากกว่าการผลิตแบบ Hot Process ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการควบคุมคุณภาพ และสุขอนามัยที่เข้มงวดเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการปนเปื้อน
- ต้นทุนสูงในบางกรณี
แม้จะประหยัดพลังงาน แต่ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเครื่องจักร และเทคโนโลยีที่ใช้ใน Cold Process อาจสูงกว่าวิธีปกติ ทำให้ต้นทุนการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งผู้ประกอบการต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนในระยะยาว
Cold Process คือหนึ่งในวิธีการผลิตสกินแคร์ที่มีจุดเด่นในการรักษาสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ให้คงอยู่ครบถ้วน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูง แต่อย่างไรก็ตามควรทำความเข้าใจในข้อจำกัดของกระบวนการนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อจะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเมื่อต้องผลิตครีมไวท์เทนนิ่ง หรือสกินแคร์อื่น ๆ ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
หากท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา
