
เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมผลิตภัณฑ์สกินแคร์บางตัวถึงต้องใช้ขวดแก้ว ในขณะที่บางตัวใช้หลอดพลาสติก ? คำตอบไม่ได้อยู่ที่ความสวยงามเท่านั้น เพราะอาจมีปัจจัยของการบรรจุผลิตภัณฑ์มาเกี่ยวข้อง โดยเรียกว่า Hot Filling และ Cold Filling ปัจจัยนี้มีความสำคัญ เนื่องจากสามารถส่งผลต่อการเลือกบรรจุภัณฑ์ได้
ดังนั้นในบทความนี้ Cosmina จะมาเจาะลึกว่าวิธีการบรรจุ 2 วิธีนี้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร และมีผลต่อการตัดสินใจของแบรนด์อย่างไรบ้างเมื่อต้องการผลิตเครื่องสำอาง
Hot Filling vs Cold Filling ต่างกันอย่างไร
การบรรจุผลิตภัณฑ์ เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการผลิตเครื่องสำอางซึ่งมีอยู่หลายวิธี โดย Hot Filling และ Cold Filling ถือว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างได้รับความนิยม ซึ่งแต่ละวิธีก็มีคุณสมบัติ และข้อดี-ข้อเสียที่ต่างกัน ดังนี้
- Hot Filling (การบรรจุแบบร้อน) : คือการบรรจุผลิตภัณฑ์ในขณะที่ยังร้อนอยู่ โดยมักจะบรรจุที่อุณหภูมิประมาณ 85-95°C แล้วปล่อยให้เย็นลงในบรรจุภัณฑ์ วิธีนี้เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหลักเป็นสารกึ่งแข็ง หรือสารที่มีความหนืดสูง เช่น ลิปบาล์ม สกินแคร์ในรูปแบบแท่ง หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลัก
วิธีนี้ความร้อนจะช่วยลดความหนืดของผลิตภัณฑ์ ทำให้ง่ายต่อการบรรจุ และยังช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่อาจปนเปื้อนอยู่ในบรรจุภัณฑ์ได้ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยมากขึ้น และสามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใช้สารกันเสียในปริมาณมาก - Cold Filling (การบรรจุแบบเย็น) คือการบรรจุผลิตภัณฑ์ในขณะที่อุณหภูมิปกติ หรืออุณหภูมิห้อง ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ เช่น เซรั่ม โลชั่น หรือครีมที่มีความเหลว
วิธีนี้เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น วิตามินซี หรือสารสกัดจากพืชบางชนิดที่ไม่สามารถทนอุณหภูมิสูงได้ ผลิตเครื่องสำอาง และสกินแคร์ได้หลากหลายรูปแบบ และยังเป็นวิธีที่มีต้นทุนต่ำ และใช้เวลาบรรจุเร็วกว่า Hot Filling
Hot Filling vs Cold Filling ส่งผลต่อการเลือกบรรจุภัณฑ์อย่างไร
- Hot Filling
วัสดุที่เหมาะกับการบรรจุแบบ Hot Filling คือแก้วและพลาสติกชนิดที่ทนความร้อนสูง เช่น HDPE (High-Density Polyethylene) หรือ PP (Polypropylene) เนื่องจากพลาสติกบางชนิดอาจละลาย หรือเสียรูปได้เมื่อสัมผัสกับความร้อนสูง นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ต้องมีรูปทรง และวัสดุที่สามารถทนต่อการขยาย และหดตัวเมื่อผลิตภัณฑ์เย็นลงได้ดี - Cold Filling
เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ไม่ต้องทนอุณหภูมิที่สูงมาก จึงสามารถใช้วัสดุได้เกือบทุกประเภท เช่น พลาสติกชนิด PET (Polyethylene Terephthalate) ซึ่งมีน้ำหนักเบา และราคาถูก หลอดพลาสติก ไปจนถึงขวดแก้ว ทำให้ผู้ประกอบการที่ต้องการผลิตเครื่องสำอางมีทางเลือกด้านบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย และสามารถลดต้นทุนได้
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกวิธีบรรจุ
การตัดสินใจเลือกระหว่าง Hot Filling และ Cold Filling ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์ ได้แก่
- ส่วนผสมในสูตร : หากสูตรมีส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน ควรเลือกวิธี Cold Filling เพื่อรักษาประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์ให้คงอยู่ครบถ้วน
- ประเภทของผลิตภัณฑ์ : ผลิตภัณฑ์ที่มีความหนืดสูง หรือเป็นของแข็งกึ่งเหลว เช่น ลิปบาล์ม ลิปสติก ควรเลือกใช้ Hot Filling เพื่อให้บรรจุได้ง่าย และผลิตภัณฑ์มีผิวสัมผัสที่เรียบเนียนสม่ำเสมอ
- ต้นทุน และบรรจุภัณฑ์ : หากต้องการลดต้นทุนทั้งการผลิตและบรรจุภัณฑ์ ควรเลือกวิธี Cold Filling เพราะมีตัวเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ราคาถูกกว่า และกระบวนการผลิตไม่ซับซ้อนเท่า
- การกำหนดอายุการใช้งาน : หากต้องการยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์โดยลดการใช้สารกันเสีย Hot Filling ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะความร้อนช่วยฆ่าเชื้อ และลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจุลินทรีย์ได้เป็นอย่างดี

การจะเลือกวิธีบรรจุผลิตภัณฑ์ระหว่าง Hot Filling และ Cold Filling ควรพิจารณาทั้งเรื่องของเทคนิคการผลิต ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพ อายุการใช้งาน หากเลือกได้อย่างเหมาะสมก็จะช่วยให้สามารถผลิตเครื่องสำอางที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้มากขึ้น
ากท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา
