โรงงานผลิตสกินแคร์

เมื่อเริ่มต้นสร้างแบรนด์สกินแคร์ หนึ่งในคำถามสำคัญที่เจ้าของแบรนด์ต้องพบคือ ควรเลือกโรงงานผลิตสกินแคร์ในประเทศหรือต่างประเทศดี ? เพราะแต่ละทางเลือกมีทั้งข้อดี และข้อจำกัดที่ต่างกัน บทความนี้ Cosmina จะพาคุณสำรวจทุกมุมเพื่อช่วยตัดสินใจได้อย่างคุ้มค่า และมั่นใจมากขึ้น

เปรียบเทียบการผลิตสกินแคร์ทั้ง 2 แหล่ง ในแต่ละด้าน

  1. ต้นทุนการผลิต
    – โรงงานในประเทศ : มักมีต้นทุนที่ค่อนข้างประหยัดในเรื่องค่าขนส่ง ค่าภาษี และค่าดำเนินการภายในประเทศ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำหรือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่รู้ล่วงหน้าได้ชัดเจน นอกจากนี้วัตถุดิบท้องถิ่นบางอย่างยังหาง่าย และถูกกว่า เช่น สารสกัดสมุนไพรไทย น้ำแร่ หรือวัตถุดิบพื้นฐานจากแหล่งผลิตในเอเชีย ซึ่งทำให้หลายแบรนด์เลือกโรงงานผลิตสกินแคร์ ภายในประเทศเพื่อควบคุมต้นทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    – โรงงานต่างประเทศ : ถึงแม้บางประเทศจะมีค่าแรงถูก เช่น จีน อินเดีย หรือเวียดนาม แต่ต้นทุนรวมอาจสูงขึ้นจาก ค่าขนส่งระหว่างประเทศ, ค่าประกันสินค้า, ภาษีนำเข้า และค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าเดินทาง หรือค่าวางระบบโลจิสติกส์ ยิ่งถ้าสั่งจำนวนน้อย อาจไม่คุ้มกับค่าส่งแบบ MOQ (Minimum Order Quantity) ที่มักสูง
  1. มาตรฐานการผลิต
    – โรงงานในประเทศ : หลายแห่งมีมาตรฐาน GMP, ISO, FDA ที่ผ่านการตรวจสอบโดย อย. ไทย ซึ่งสามารถเข้าตรวจโรงงานได้จริง และเห็นกระบวนการผลิตแบบโปร่งใส เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการจด อย. ในประเทศ และเข้าร่วมจำหน่ายในช่องทาง Modern Trade, ห้าง หรือแพลตฟอร์มออนไลน์แบบเป็นทางการ การเลือกโรงงานผลิตสกินแคร์ที่ได้มาตรฐานเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
    – โรงงานต่างประเทศ : บางประเทศอาจมีมาตรฐานสูง เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น หรือฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อเรื่องนวัตกรรมความงาม แต่ผู้ว่าจ้างต้องมีความรู้ทางเทคนิคเพื่อเข้าใจมาตรฐานการผลิตของต่างประเทศ เช่น CPNP (ยุโรป), KFDA (เกาหลี) และหากไม่ได้บินไปตรวจด้วยตัวเอง อาจมีความเสี่ยงเรื่องการควบคุมคุณภาพที่ไม่ตรงตามที่ตกลง
  1. ความยืดหยุ่นของระบบการผลิต
    – โรงงานในประเทศ : สามารถปรับสูตรการผลิตสกินแคร์ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการทดลอง Lab Sample ใหม่ การเปลี่ยนกลิ่น สี เนื้อสัมผัส หรือเพิ่ม Active Ingredients รวมถึงสามารถเร่งการผลิต หรือสั่งล็อตเล็กได้บ่อยครั้ง หากตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการเติบโตอย่างยืดหยุ่นโดยมีโรงงานผลิตสกินแคร์เป็นพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาสูตรอย่างต่อเนื่อง
    – โรงงานต่างประเทศ : การปรับสูตรอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน เพราะต้องรอรอบการผลิตใหม่ และสื่อสารผ่านหลายฝ่าย ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเจอปัญหาสูตรไม่ตรง หรือเทสต์ออกมาแล้วไม่ผ่าน อาจเสียเวลา และต้นทุนมากขึ้น
  1. ความง่ายในการประสานงาน
    – โรงงานในประเทศ : พูดคุยได้ตรงกับผู้บริหารหรือทีม R&D โดยไม่ต้องแปลภาษา ความเข้าใจในวัตถุประสงค์การตลาดก็ใกล้เคียง เพราะเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคไทย หากมีปัญหาฉุกเฉินสามารถเข้าไปตรวจสอบ หรือแก้ไขสถานการณ์หน้าโรงงานได้ทันที การมีโรงงานผลิตสกินแคร์อยู่ในประเทศจึงช่วยให้เจ้าของแบรนด์ควบคุมทุกขั้นตอนได้ใกล้ชิด
    – โรงงานต่างประเทศ : อาจมีความเสี่ยงเรื่องความคลาดเคลื่อนของคำสั่งหรือความเข้าใจ เช่น การสื่อสารผิดเรื่องเนื้อสัมผัส สี หรือกลิ่น ซึ่งอาจต้องพึ่งพาคนกลาง หรือเอเจนซี่ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุน และลดความรวดเร็วในการตัดสินใจ
  2. ข้อกำหนดทางกฎหมาย และการขึ้นทะเบียน
    – โรงงานในประเทศ : สามารถจดแจ้ง อย. ได้ง่าย พร้อมมีบริการขึ้นทะเบียนให้ครบถ้วน รวมถึงเอกสารประกอบต่าง ๆ เช่น COA, MSDS, Product Spec หากต้องการวางจำหน่ายในประเทศ หรือลงทุนในตลาดออนไลน์ จะสะดวกในการยื่นภาษีหรือเข้าร่วมแคมเปญของรัฐ เช่น OTOP หรือ SME ซึ่งหลายโรงงานผลิตสกินแคร์มักมีทีมงานเฉพาะในการดูแลเรื่องเอกสารและการยื่นจดทะเบียนให้เสร็จสรรพ
    – โรงงานต่างประเทศ : หากนำเข้ามาจำหน่ายในไทย ต้องทำ การนำเข้าสินค้าสำเร็จรูป และขึ้นทะเบียนใหม่ทั้งหมด ต้องมีแหล่งข้อมูลเอกสารครบถ้วนเป็นภาษาอังกฤษ หรือแปลไทยอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหากับด่านตรวจ อย. หรือติดด่านศุลกากร

เปรียบเทียบการผลิตครีมทั้ง 2 แหล่ง

หากท่านใดที่กำลังวางแผนผลิตสกินแคร์แบรนด์ของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!!  เพราะเราเป็นโรงงานผลิตสกินแคร์ และเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว