ในยุคที่สกินแคร์พัฒนาไปไกลมากขึ้น “Waterless Skincare” ถือได้ว่าเป็นหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับความสนใจ ด้วยสูตรที่เน้นสารสกัดเข้มข้น โดยไม่ต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และคงความเสถียรของสารออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้น เพราะอย่างนั้น ในบทความนี้ Cosmina จะมาเจาะลึกถึงเทรนด์นี้ ว่าจะมีความน่าสนใจอะไรอีกบ้าง !
Waterless Skincare คืออะไร ?
Waterless Skincare คือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่มีน้ำ (Aqua หรือ Water) เป็นส่วนประกอบหลัก แตกต่างจากสกินแคร์ทั่วไปที่มักมีน้ำเป็นฐาน (Water-Based Skincare) 50-80% ในสูตรผลิตภัณฑ์ โดย Waterless Skincare ใช้สารสกัดเข้มข้น น้ำมัน หรือสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้เองแทนที่น้ำ ซึ่งจะมีประเภทที่พบได้บ่อยในสกินแคร์ คือ
- Balm-Based Skincare (เนื้อบาล์ม)
เนื้อสัมผัสเข้มข้นกว่าครีมทั่วไป ส่วนใหญ่ทำจากไขมันพืชธรรมชาติ น้ำมัน และขี้ผึ้ง ช่วยเคลือบผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี เหมาะสำหรับผิวแห้ง และต้องการการบำรุงล้ำลึก แต่อาจไม่เหมาะสำหรับผิวมัน เพราะเนื้อหนัก และซึมค่อนข้างช้า
- Oil-Based Skincare (เนื้อน้ำมัน)
ใช้ “น้ำมัน” เป็นเบสหลักแทนน้ำ และอิมัลซิไฟเออร์ โดยมักจะเป็นน้ำมันธรรมชาติ และสารสกัดเข้มข้นที่ช่วยฟื้นฟูผิว สามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ลึก ช่วยบำรุงเกราะป้องกันผิว และลดการสูญเสียน้ำ แต่อาจทำให้ผิวมันเยิ้มหากใช้ในปริมาณมาก ซึ่งจะทำให้เกิดสิวอุดตันได้
- Powder & Solid Skincare (เนื้อแป้ง หรือแท่ง)
ไม่มีน้ำในสูตร 100% อยู่ในรูปแบบของ “ผง” หรือ “แท่งแข็ง” อาจต้องละลายน้ำก่อนใช้ มีความเข้มข้นสูง และไม่มีสารกันเสีย แต่ต้องใช้เวลาปรับตัวในการใช้งาน และอาจเก็บรักษายากในบางสภาพอากาศ - Anhydrous Serums & Creams (เซรั่ม และครีมไม่มีน้ำ)
ใช้สารออกฤทธิ์เข้มข้นแทนน้ำเป็นตัวทำละลาย มักมีเนื้อสัมผัสเบากว่า Oil-Based Skincare แต่เข้มข้นกว่าครีมทั่วไป คงความเสถียรของสารออกฤทธิ์ได้นาน ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ลึก และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์บำรุงเข้มข้น แต่ราคาอาจสูงเล็กน้อย
ข้อดีของ Waterless Skincare มีอะไรบ้าง
Waterless Skincare ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสกินแคร์ ลดการใช้สารเคมีที่ไม่จำเป็น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีข้อดีต่าง ๆ ดังนี้
- สารออกฤทธิ์เข้มข้นขึ้น ไม่มีการเจือจาง ทำให้ Active Ingredients ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- ช่วยให้สารออกฤทธิ์มีอายุการใช้งานยาวขึ้น ไม่เสื่อมสภาพเร็ว เพราะ pH ของน้ำในสูตรสกินแคร์อาจทำให้สารออกฤทธิ์บางตัวทำงานได้ไม่ดี
- เนื่องจากสกินแคร์ที่มีน้ำเป็นตัวกลางเหมาะสำหรับการเติบโตของแบคทีเรีย ยีสต์ และเชื้อรา แต่ถ้าไม่มีน้ำเป็นส่วนประกอบจะช่วยลดการใช้สารกันเสีย และปลอดภัยต่อผิวแพ้ง่ายมากขึ้น
- ช่วยลดการใช้น้ำ ลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ข้อจำกัดของ Waterless Skincare ที่ควรรู้
แม้ว่า Waterless Skincare คือนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ต้องพิจารณาเพื่อให้สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม
- เนื่องจากไม่มีน้ำมาเป็นตัวทำให้ผลิตภัณฑ์เบา และซึมเร็ว จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นบาล์ม, น้ำมัน หรือแท่งแข็ง อาจให้สัมผัสหนา และซึมช้า รู้สึกเหนอะหนะผิว นอกจากนี้หากใช้มากเกินไปร่องขุมขนอาจอุดตันได้
- บางผลิตภัณฑ์ต้องอุ่น หรือทำให้ละลายก่อนใช้ ซึ่งจะทำให้บางคนรู้สึกว่าวิธีใช้ยุ่งยากกว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นโลชั่น หรือเซรั่ม
- Waterless Skincare มักมีราคาสูงกว่า เพราะใช้สารออกฤทธิ์เข้มข้น และไม่มีน้ำมาช่วยลดต้นทุน
- เนื่องจากไม่มีน้ำเป็นตัวช่วยรักษาความสม่ำเสมอของผลิตภัณฑ์ อาจทำให้บางผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสภาพได้ง่าย จึงจำเป็นต้องเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม
Waterless Skincare ถือว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้การบำรุงผิวมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยสูตรที่เข้มข้นกว่า คงความเสถียรของสารสำคัญ และลดการใช้สารกันเสีย แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้กลายเป็นอนาคตของวงการสกินแคร์ที่ตอบโจทย์ทั้งสุขภาพผิว และความยั่งยืนได้
หากท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา