การใช้สารสกัดจากธรรมชาติเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตอบโจทย์ด้าน Anti-Aging กำลังได้รับความนิยมสูง โดยหนึ่งในสารที่นิยมคงจะเป็นสาร Resveratrol คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทในการปกป้องเซลล์ผิวจากความเสื่อมสภาพ เพราะปัจจุบันโรงงานหลายแห่งเลือกใช้สารชนิดนี้ในการผลิตสกินแคร์ เพื่อยกระดับคุณภาพ และภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ให้ดูพรีเมียม และน่าเชื่อถือ ในบทความนี้ Cosmina จะพามาทำความรู้จักสารนี้ให้มากขึ้นว่ามีความน่าสนใจอย่างไรอีกบ้าง
สาร Resveratrol คืออะไร
คือ สารประกอบโพลีฟีนอล (Polyphenolic Compound) ชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มสติลบีน (Stilbenes) เป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่พบได้ตามธรรมชาติในพืชหลายชนิด โดยเฉพาะในผิวองุ่นแดง เปลือกของผลไม้บางชนิด เช่น บลูเบอร์รี แครนเบอร์รี ซึ่งคุณสมบัติต่อผิวของ Resveratrol คือ
- ต้านอนุมูลอิสระ
จัดอยู่ในกลุ่ม Polyphenols ซึ่งมีโครงสร้างประกอบด้วยวงแหวนฟีนอล ที่สามารถให้อะตอมไฮโดรเจนหรืออิเล็กตรอนกับ Reactive Oxygen Species (ROS) ได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ทำลายเยื่อหุ้มเซลล์และ DNA
- ชะลอการเสื่อมของเซลล์
มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นโปรตีน SIRT1 (Sirtuin 1) ซึ่งเป็นกลุ่มของเอนไซม์ Deacetylase ที่มีบทบาทในการควบคุมการอยู่รอดของเซลล์ ซ่อมแซม DNA และยืดอายุของเซลล์
- ลดการอักเสบ และการปกป้องผิวจากรังสี UV
ช่วยยับยั้งการเกิดกระบวนการ Inflammatory Cascade ที่กระตุ้นโดย UV, มลภาวะ หรือ Oxidative Stress อีกทั้งยังลดรอยแดง อาการอักเสบจากสิว ลดการเสียหายจาก UVB-Induced Erythema และ Sunburn ป้องกันการเกิด Photoaging - เสริมการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน
ช่วยส่งเสริมการสร้าง คอลลาเจนชนิดที่ I และ III ผ่านการเพิ่มการทำงานของ TGF-β (Transforming Growth Factor beta) และยับยั้งเอนไซม์ Matrix Metalloproteinases (MMPs) โดยเฉพาะ MMP-1 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน
Resveratrol กับการผลิตสกินแคร์
- เหตุผลที่นิยมใช้ Resveratrol ในสูตร Anti-Aging
เป็นสารที่มีคุณสมบัติหลากหลายโดยเฉพาะในการชะลอวัย เพราะมีการสนับสนุนจากงานวิจัยระดับเซลล์, In Vivo และ Clinical Trials โดยการออกฤทธิ์ที่ส่งเสริมการชะลอวัย ได้แก่
– ปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของผิวเสื่อม โทรม และริ้วรอย
– เพิ่มการซ่อมแซมเซลล์ ลดการตายของเซลล์ผิว
– ป้องกันความหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก และลดความเสียหายจากรังสี UV
- รูปแบบที่ใช้ในสูตร
Resveratrol มีข้อจำกัดด้านความไม่เสถียร และการดูดซึมทางผิวหนังต่ำ จึงต้องใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในสูตรผลิตภัณฑ์ เช่น
– Encapsulated Resveratrol : ใช้โครงสร้าง Lipid-Based Nanoparticles เพื่อห่อหุ้ม Resveratrol ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเสถียรจากแสง หรือออกซิเจน เพิ่มการดูดซึมผ่านผิว และควบคุมการปลดปล่อยสารออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ
– Liposomal Resveratrol : Resveratrol ถูกกักเก็บในฟองไขมัน (Liposomes) ที่เลียนแบบเยื่อหุ้มเซลล์ เพิ่มความสามารถในการแทรกซึม ลดการระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย
– Cyclodextrin Inclusion Complex : การใช้ Cyclodextrin เพื่อสร้าง Complex กับ Resveratrol ช่วยเพิ่มความสามารถในการละลายน้ำ ลดการสลายตัวของโดยปัจจัยภายนอก เหมาะกับสูตรเจล เซรั่มใส หรือสูตรน้ำ
- ความเสถียรของ และข้อควรระวังในการใช้ในสูตร
แม้ Resveratrol จะมีคุณสมบัติหลากหลาย แต่มีข้อจำกัดที่ต้องระวังในกระบวนการผลิตสกินแคร์ ดังนี้
– สลายตัวได้ง่ายเมื่อสัมผัสแสง UV หรือแม้แต่แสงธรรมดา และยังสลายได้ในอากาศโดยเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน จึงควรใช้บรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสง และอากาศ
– pH ที่ไม่เหมาะสม (<5 หรือ >7) จะเร่งการสลาย ดังนั้นต้องควบคุม pH ของสูตรให้อยู่ในช่วง 5.0–6.5
– ควรเก็บในอุณหภูมิต่ำ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสความชื้นระหว่างการผลิต
ถือได้ว่า Resveratrol คือหนึ่งในสารที่ทรงพลังในสูตร Anti-Aging ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย แต่อย่างไรก็ตาม สารนี้ยังต้องอาศัยเทคโนโลยีการกักเก็บ และการพัฒนาสูตรที่เหมาะสม การผลิตสกินแคร์จึงจะมีเสถียรภาพ และประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น
หากท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา