Skin Barrier คือด่านแรกของผิวที่ทำหน้าที่ปกป้องจากมลภาวะ เชื้อโรค และการสูญเสียน้ำ หากเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ อาจทำให้ผิวแห้ง แพ้ง่าย และเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา การดูแล Skin Barrier ให้แข็งแรงจึงเป็นกุญแจสำคัญของผิวสุขภาพดี บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักหน้าที่ สำคัญ และวิธีเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น !
ทำความรู้จัก Skin Barrier คืออะไร
Skin Barrier คือชั้นโครงสร้างด้านนอกสุดของผิวหนังที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อม เช่น เชื้อโรค มลภาวะ รวมถึงการสูญเสียน้ำ โดยชั้นที่ปกป้องจะเรียกว่า Stratum Corneum ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของหนังกำพร้า (Epidermis) ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่เรียกว่า Corneocytes ที่ถูกยึดติดกันด้วยลิพิด (Lipids) ทำให้เกิดโครงสร้างที่คล้ายกับกำแพงปกป้องผิว โดยองค์ประกอบหลัก ๆ ของ Skin Barrier มีดังนี้
- Corneocytes : เป็นเซลล์เคราติน ที่มีโปรตีนเคราติน ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิว โดยมีโปรตีนสำคัญ เช่น Filaggrin ที่ช่วยควบคุมความชุ่มชื้นของผิว
- ไขมันระหว่างเซลล์ : ประกอบไปด้วย Ceramides (50%), Cholesterol (25%) และ Fatty Acids (10-15%) เป็นส่วนที่ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำ และป้องกันสารระคายเคืองเข้าสู่ผิว
- Natural Moisturizing Factors (NMFs) : คือสารธรรมชาติที่ช่วยดึง และกักเก็บน้ำในผิว เช่น กรดอะมิโน, PCA (Pyrrolidone Carboxylic Acid) และยูเรีย เป็นต้น
- Acid Mantle : เป็นชั้นเคลือบผิวที่มีค่า pH อยู่ระหว่าง 4.5-5.5 ช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียบนผิว ป้องกันเชื้อโรค และลดการเกิดการอักเสบ
สัญญาณ และปัจจัยของ Skin Barrier อ่อนแอ
เมื่อ Skin Barrier ถูกทำร้ายจนค่อย ๆ เสื่อมสภาพลง ผิวจะแสดงอาการที่เราสามารถสังเกตได้ง่ายดาย โดยมีอาการต่าง ๆ ดังนี้
- ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น : เกิดจากความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวลดลง จนผิวเกิดอาการแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย แม้จะทาครีมบำรุงก็ไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร
- ผิวระคายเคือง แดงง่าย : เกิดจากความสามารถในการปกป้องผิวลดลง ทำให้ผิวมีการแพ้ระคายเคือง หรือผื่นแดงได้ง่าย
- เกิดสิว หรือผดผื่นง่าย : การที่ Skin Barrier อ่อนแอจะทำให้ผิวไม่สามารถป้องกันการเกิดแบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรกจากภายนอกได้ ส่งผลให้สิว และผดผื่นตามมา
- ผิวมัน หรือแห้งเกินไป : Skin Barrier ที่เสื่อมสภาพ อาจทำให้ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไปเพื่อชดเชยการสูญเสียความชุ่มชื้น หรืออาจทำให้ผิวแห้งเกินไปเนื่องจากการเสียสมดุลระหว่างการหล่อเลี้ยง และการกักเก็บน้ำในผิว
- ผิวมีริ้วรอย และหมองคล้ำ : เมื่อผิวไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่เนื่องจากการเสื่อมสภาพของ Skin Barrier ผิวจึงขาดความแข็งแรง ส่งผลให้เกิดริ้วรอย และผิวยังหมองคล้ำในระยะยาวอีกด้วย
เคล็ดลับฟื้นฟู Skin Barrier ให้กลับมาแข็งแรง
การดูแล และฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้กลับมาแข็งแรงเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยสามารถทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- ใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยน ไม่ทำลายความชุ่มชื้นของผิว โดยผลิตภัณฑ์ควรมี pH อยู่ที่ 4.5-6 และไม่มีสารระคายเคือง เช่น SLS, แอลกอฮอล์ และน้ำหอม
- เติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ โดยควรเลือกใช้ที่มีส่วนผสมช่วยฟื้นฟู และกักเก็บความชุ่มชื้น เช่น Ceramides, Hyaluronic Acid และ Glycerin เป็นต้น
- ใช้เซรั่ม หรือสกินแคร์ที่มีสารสำคัญในการช่วยฟื้นฟู Skin Barrier โดยตรง เช่น Niacinamide, Centella Asiatica และ Peptides
- ปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ และควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 และ PA+++ ขึ้นไป แต่สำหรับคนที่มีผิวบอบบางควรเลือกครีมกันแดดแบบ Physical ที่มี Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide
- รับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้าง Skin Barrier จากภายในได้ เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3, วิตามินซี, โปรตีน และควรลดอาหารที่มีน้ำตาลสูง หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปที่มีไขมันทรานส์
การฟื้นฟู Skin Barrier คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรง โดยต้องเริ่มจากการเลือกใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยน ปกป้องผิวจากรังสี UV และอีกปัจจัยคือการดูแลตัวเองแต่ละด้านในการใช้ชีวิตประจำวัน เมื่อดูแลตัวเองอย่างดีแล้ว ก็จะทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น และกลับมาดูสุภาพดีได้อีกครั้ง