เมื่อพูดถึงสารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวได้อย่างยาวนาน Sodium PCA คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่น ด้วยคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับสารที่ผิวผลิตเอง จึงทำให้สารนี้ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างกว้างขวาง สำหรับท่านใดที่กำลังวางแผนผลิตเครื่องสำอาง หรือสกินแคร์ การเข้าใจโครงสร้าง และบทบาทของสารนี้จึงจำเป็น โดยในบทความนี้ Cosmina จะช่วยไขข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับ Sodium PCA
Sodium PCA คืออะไร
Sodium PCA คือ เกลือของกรด Pyrrolidone Carboxylic (PCA) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน Glutamic Acid ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกายโดยเฉพาะในผิวชั้นนอก ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น Humectant หรือสารดูดความชื้นที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถจับกับน้ำได้ดีมาก จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ในสูตรสกินแคร์ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น โดยมีแหล่งที่มา 2 แหล่ง คือ
- แหล่งธรรมชาติ : PCA เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของ NMF (Natural Moisturizing Factor) ซึ่งเป็นกลุ่มของสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเองเพื่อคงความชุ่มชื้นของผิว โดย Sodium PCA สามารถสกัดจากน้ำตาลกลูโคสที่หมักโดยกระบวนการทางชีวภาพร่วมกับกรดกลูตามิก
- แหล่งสังเคราะห์ : ปัจจุบันในอุตสาหกรรมความงามนิยมผลิต Sodium PCA ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ควบคุม เพื่อให้มีความบริสุทธิ์และคงเสถียรภาพได้ดีกว่า แหล่งสังเคราะห์ เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์
การทำงานของ Sodium PCA
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า คุณสมบัติหลัก ๆ ของสารนี้คือทำให้ผิวชุ่มชื้น โดยกระบวนการทำงานที่ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นของ Sodium PCA คือ
- กักเก็บความชุ่มชื้น
สารนี้มีคุณสมบัติในการดึงดูดน้ำจากสิ่งแวดล้อม และชั้นในของผิว (Dermis) ขึ้นมาสู่ผิวชั้นบน (Epidermis) และยังมีโครงสร้างที่สามารถสร้างพันธะไฮโดรเจนกับโมเลกุลของน้ำได้ดี จึงช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ยาวนาน - ลดการสูญเสียน้ำผ่านผิวหนัง (Transepidermal Water Loss – TEWL)
เมื่อผิวขาดน้ำจาก TEWL มากเกินไป จะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง และเร่งการสร้างเม็ดสี ซึ่ง Sodium PCA จะช่วยลด TEWL โดยการเสริมความสมดุลของน้ำในผิว ไม่ให้ผิวแห้ง หรือลอก นอกจากนี้ยังสามารถทำงานคู่กับ Lipid Barrier (เช่น Ceramide หรือ Fatty Acid) เพื่อให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในได้นานขึ้น - เสริมการทำงานของสารออกฤทธิ์อื่นในสูตร
Sodium PCA มีคุณสมบัติเป็นสารส่งเสริมประสิทธิภาพ เมื่อใช้ร่วมกับสารอื่น ๆ เช่น Niacinamide, Hyaluronic Acid จะช่วยให้สารเหล่านั้นซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น และยังช่วยลดความเป็นกรด หรือด่างในสูตร คงสภาพเนื้อผลิตภัณฑ์ให้คงที่
การใช้ในกระบวนการผลิต
- ความเข้มข้น
นิยมนำมาใช้ในสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น เซรั่ม โทนเนอร์ มอยส์เจอไรเซอร์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย โดยทั่วไปความเข้มข้นจะอยู่ที่ 0.2–5% แล้วแต่ประเภทของผลิตภัณฑ์ แต่หากมีการเพิ่มมากเกินไป (เกิน 5%) อาจทำให้เกิดความเหนอะหนะหรือระคายเคืองได้ในบางกรณี จึงควรทดสอบกับสูตรอื่นในผลิตภัณฑ์ร่วมด้วย
- ความเสถียรในสูตร
ทำงานได้ดีในช่วง pH 4.0–7.0 ซึ่งครอบคลุมช่วง pH ของเครื่องสำอางส่วนใหญ่ อีกทั้งยังทนความร้อนได้ระดับหนึ่ง แต่ควรเติมในช่วงอุณหภูมิไม่เกิน 40°C เพื่อรักษาความคงตัวของโครงสร้างโมเลกุล แต่มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรใช้ร่วมกับสารที่มีประจุบวกแรง ๆ เช่น Cationic Surfactant บางชนิด เพราะอาจทำให้เกิดการตกตะกอน
- ขั้นตอนในการผสมสาร
ต้องละลายด้วยน้ำบริสุทธิ์ (DI Water) ก่อน เพื่อให้กระจายตัวได้ดี และเพื่อป้องกันความร้อนทำลายโครงสร้างของสาร ควรเติมเมื่ออุณหภูมิของเบสสูตรลดลงต่ำกว่า 40°C นอกจากนี้ ก่อนบรรจุต้องวัด และปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่สารทำงานได้ดี (pH 4–7) เพื่อคงคุณสมบัติการให้ความชุ่มชื้น
ด้วยคุณสมบัติของ Sodium PCA ที่เลียนแบบสารให้ความชุ่มชื้นในผิวตามธรรมชาติ ทำให้เป็นตัวเลือกที่มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงในกระบวนการผลิตเครื่องสำอาง และสกินแคร์ ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า และผิวกาย การเลือกใช้อย่างเหมาะสมจึงมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของสูตร และแบรนด์ในระยะยาว
หากท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา