ในชีวิตประจำวันของเรา ผิวพรรณอาจไม่ได้โดนทำร้ายจากรังสี UV เพียงอย่างเดียว เพราะยังต้องเจอทั้งฝุ่น ควัน มลภาวะต่าง ๆ รวมถึงแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ผู้ประกอบการที่กำลังต้องการจะผลิตครีมกันแดดควรคำนึงถึงปัจจัยนี้ เพราะจะทำให้ครีมกันแดดของคุณน่าสนใจยิ่งขึ้น ในบทความนี้ Cosmina จึงรวมคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ครีมกันแดดที่ดีควรมี นอกจากการปกป้องผิวจากแสงแดดเท่านั้น !
ทำไมการผลิตครีมกันแดด ต้องปกป้องมากกว่าแค่รังสี UV
ในอดีต ครีมกันแดดถูกพัฒนาเพื่อป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นจุดประสงค์หลัก ซึ่งรังสีนี้คือสาเหตุหลักของปัญหาผิวต่าง ๆ ทั้งผิวไม้แดด และริ้วรอยก่อนวัย แต่ในปัจจุบันได้มีการค้นพบอย่างต่อเนื่องว่า ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกที่สามารถทำร้ายผิวได้ไม่แพ้รังสี UV โดยบทบาทของครีมกันแดดในปัจจุบัน เช่น
- ป้องกันริ้วรอยก่อนวัย ที่เกิดจากปัจจัยหลักอย่าง แสงแดด ฝุ่น ควัน และแสงสีฟ้าที่สามารถทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินในผิวให้เสื่อมลง
- ลดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง เนื่องจากรังสี UV สามารถกระตุ้นการกลายพันธุ์ของเซลล์ผิว ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
- เสริมเกราะป้องกันผิว ป้องกันการระคายเคือง การอักเสบจากมลภาวะ และสารเคมีที่ตกค้างบนผิว
ปัจจัยที่ครีมกันแดดควรปกป้อง
การผลิตครีมกันแดดที่ดีต้องสามารถปกป้องผิวจากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ที่อาจทำร้ายผิวในชีวิตประจำวัน โดยมีปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- รังสี UVA & UVB
– ถึงแม้รังสี UVA จะมีพลังงานต่ำ แต่ก็สามารถทะลุผ่านเข้าชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งจะทำลายคอลลาเจน และอีลาสติน ส่งผลให้เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และผิวหย่อนคล้อย
– รังสี UVB มีพลังงานสูงกว่า UVA เมื่อกระทบชั้นหนังกำพร้าโดยตรง ทำให้ผิวเกิดอาการไหม้แดด สีผิวไม่สม่ำเสมอ และเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง
– ครีมกันแดดควรมีค่า SPF 30-50+ เพื่อป้องกัน UVB และค่า PA++++ เพื่อป้องกัน UVA
- แสงสีฟ้า (Blue Light)
– แสงชนิดนี้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ชั้นหนังแท้ได้ กระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระ ส่งผลให้ผิวแก่ก่อนวัย และเกิดริ้วรอย นอกจากนี้อาจยังทำให้เกิดภาวะผิวไวต่อแสง และกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิว จนเกิดฝ้า และจุดด่างดำ
– การผลิตครีมกันแดดที่เหมาะสมควรมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี, วิตามินอี รวมไปถึงมีคุณสมบัติในการป้องกันแสงสีฟ้าจากสารกันแดดประเภท Iron Oxides หรือ Lutein เป็นต้น
- มลภาวะต่าง ๆ
– อนุภาคฝุ่น และมลภาวะสามารถกระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเร่งให้เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ สิวนอกจากนี้ ยังทำร้ายเกราะป้องกันผิว ส่งผลให้ผิวอ่อนแอ ระคายเคืองง่าย
– ในครีมกันแดดควรมีสารสกัดช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว เช่น เซราไมด์ และควรมีเนื้อสัมผัสที่เบาสบาย ไม่อุดตันร่องขุมขน
- รังสีอินฟราเรด
– รังสีประเภทนี้มักพบได้จากแสงแดด และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน ซึ่งความร้อนนี้จะทำให้เส้นเลือดฝอยขยายตัว และกระตุ้นการอักเสบของผิว นอกจากนี้ยังกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิว รวมถึงทำให้ผิวสูญเสียน้ำได้เช่นกัน
– สารสกัดที่เหมาะสมในครีมกันแดดควรมีสารที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูรอนิค แอซิด รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี และโพลีฟีนอล เป็นต้น
- สารเคมี และโลหะหนัก
– สารประเภทนี้มักพบได้ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งผลกระทบจะทำให้ผิวแพ้ ระคายเคือง ผิวหนังอักเสบ อีกทั้งโลหะบางชนิด เช่น ปรอท ตะกั่ว อาจเกิดการสะสมในร่างกาย และเป็นพิษต่อระบบประสาทอีกด้วย
– ครีมกันแดดที่มีควรระบุว่าปราศจากสารอันตราย เช่น Oxybenzone, Paraben และ Alcohol นอกจากนี้ทางที่ดีคือ ต้องมีการผ่านการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดการแพ้
เพราะอย่างนั้นแล้ว ถ้าต้องการให้แบรนด์ครีมกันแดดของคุณมีความโดดเด่นมากขึ้น การผลิตครีมกันแดดที่สามารถปกป้องได้ครบทุกมลภาวะถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ และอาจเลือกใช้แบรนด์ของคุณเป็นอันดับแรก ๆ ก็ได้
และสำหรับท่านใดกำลังวางแผนผลิตสกินแคร์ เช่น ครีมกันแดดเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอาง เวชสำอาง และสกินแคร์ระดับพรีเมียมมาตรฐานตามระดับสากลพร้อมมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา