ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์มีความสำคัญอย่างมากต่อผู้บริโภค นั่นจึงทำให้การควบคุมคุณภาพในขั้นตอนการผลิตจึงเป็นสิ่งจำเป็น และไม่ควรละเลย โดยหนึ่งในขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ และเป็นหัวใจหลักของความปลอดภัย คือการทดสอบทางจุลชีววิทยา หรือที่เรียกว่า Microbiological Test ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งถึงมือผู้บริโภคนั้นปราศจากสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตราย
แล้ว Microbiological Test คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อการผลิตสกินแคร์ รวมถึงมีรายละเอียในการตรวจสอบยังไงบ้าง Cosmina จะพามาทำความรู้จักให้มากขึ้นในบทความนี้
Microbiological Test คืออะไร
คือ กระบวนการทดสอบที่มุ่งเน้นการตรวจหา และระบุชนิดของจุลินทรีย์ที่อาจปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น แบคทีเรีย ยีสต์ หรือเชื้อรา แม้ว่าผลิตภัณฑ์จะถูกผลิตในสภาพแวดล้อมที่สะอาด และควบคุมอย่างดี แต่จุลินทรีย์เหล่านี้ก็สามารถปนเปื้อนเข้ามาได้จากหลายขั้นตอน เช่น จากวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งจากสภาพแวดล้อมในการผลิตเอง การปนเปื้อนของจุลินทรีย์ไม่เพียงแต่จะทำให้ผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร แต่ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้
ซึ่งมีความสำคัญในเป็นมาตรการป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญ ช่วยให้ผู้ผลิตมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย และไม่เป็นอันตราย เพราะเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อบนผิวหนัง หรือก่อให้เกิดการระคายเคืองได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีผิวบอบบาง การทดสอบนี้จึงเป็นเหมือนการประกันคุณภาพที่ช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว เพราะหากผลิตภัณฑ์มีปัญหาการปนเปื้อนทางจุลชีววิทยา อาจส่งผลให้เกิดการเรียกคืนสินค้า และทำลายชื่อเสียงของแบรนด์ไม่น้อย
Microbiological Test ควรตรวจอะไรบ้าง
การตรวจสอบทางจุลชีววิทยาในผลิตภัณฑ์สกินแคร์จะมีการตรวจหาจุลินทรีย์หลายชนิดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือ โดยการทดสอบหลัก ๆ ที่โรงงานผลิตสกินแคร์ควรทำ มีดังนี้
- การตรวจหาปริมาณจุลินทรีย์ทั้งหมด
เป็นการนับจำนวนแบคทีเรีย ยีสต์ และราทั้งหมดที่เจริญเติบโตในผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นการประเมินสุขอนามัยโดยรวมของกระบวนการผลิต และวัตถุดิบที่ใช้ มาตรฐานสากล เช่น ISO 21149 และ ISO 16212 กำหนดปริมาณสูงสุดที่ยอมรับได้ โดยขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ เช่น
– ครีม โลชั่น จำนวนแบคทีเรียทั้งหมดที่ยอมรับได้ต้องไม่เกิน 1,000 โคโลนีต่อกรัม หรือมิลลิลิตร
– อายครีม ต้องมีจำนวนแบคทีเรียทั้งหมดไม่เกิน 100 โคโลนีต่อกรัม หรือมิลลิลิตร
- ตรวจหาเชื้อก่อโรคที่ต้องห้าม
การทดสอบนี้เน้นการตรวจหาเชื้อก่อโรคที่อันตรายต่อสุขภาพโดยตรง ซึ่งในมาตรฐานการผลิตสกินแคร์จะมีการกำหนดเชื้อหลัก ๆ ที่ต้องไม่พบ ได้แก่
– Staphylococcus aureus เชื้อที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ติดเชื้อ และสิว หากพบในสกินแคร์อาจทำให้เกิดการติดเชื้อผิวหนังได้ง่าย
– Pseudomonas aeruginosa เชื้อที่พบได้ในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในน้ำ มีความทนทานต่อสารกันเสียหลายชนิด หากปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์จะเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง ตา หรือแม้แต่ระบบทางเดินหายใจ
– Escherichia coli (E. coli) เป็นเชื้อที่บ่งบอกถึงการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรก และสุขอนามัยที่ไม่ดี หากพบในสกินแคร์ถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายต่อคุณภาพการผลิต
– Candida albicans เป็นเชื้อยีสต์ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อรา โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หากผลิตภัณฑ์ปนเปื้อนอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และผื่นแดงได้
- การตรวจหาการปนเปื้อนอื่น ๆ ตามมาตรฐานเฉพาะ
นอกจากเชื้อที่กล่าวมาแล้ว บางครั้งยังมีการตรวจเพิ่มเติมตามมาตรฐานของแต่ละประเทศ หรือองค์กร เช่น การตรวจหาซาลโมเนลลา หรือเชื้ออื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้ใช้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทผลิตภัณฑ์ และกลุ่มเป้าหมาย เช่น สกินแคร์สำหรับเด็กทารก หรือผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่ายอาจต้องผ่านการตรวจที่เข้มงวดกว่าปกติ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำ Microbiological Test คือสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะแม้ผลิตภัณฑ์ภายนอกที่อาจจะดูปกติ แต่ภายในอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่มองไม่เห็นที่เป็นอันตราย การให้ความสำคัญกับขั้นตอนการทดสอบนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมามีคุณภาพ และปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
หากท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา