
แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน และปลอดภัยเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ยิ่งโดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และเครื่องสำอางที่ต้องใช้บนผิวหนัง นั่นจึงทำให้คำว่า “Hypoallergenic” ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
บทความนี้ Cosmina จะพามาทำความรู้จักให้ลึกขึ้นว่า Hypoallergenic คืออะไร และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการ ผลิตเวชสำอางที่ตอบโจทย์ผู้ที่มีผิวบอบบาง และแพ้ง่ายอย่างไรบ้าง
Hypoallergenic คืออะไร
Hypoallergenic เป็นคำที่ใช้ระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์เพื่อบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดโอกาสในการก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือการระคายเคืองบนผิวหนัง เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้ผลิตในการคัดสรรส่วนผสมที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงสารที่ทราบกันว่ามักก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย เช่น น้ำหอม สารแต่งสี พาราเบน หรือแอลกอฮอล์
หัวใจสำคัญของการที่ผลิตภัณฑ์จะติดป้าย Hypoallergenic เป็นการผ่านกระบวนการทดสอบที่เข้มงวดเพื่อประเมินศักยภาพในการก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังของผู้ใช้ สำหรับผู้ที่ต้องการผลิตเวชสำอาง การมีคำว่า Hypoallergenic บนฉลากสินค้าถือเป็นจุดขายสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีผิวแพ้ง่าย และยังเป็นเครื่องยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ของคุณถูกพัฒนาขึ้นภายใต้หลักการความปลอดภัยสูง
รูปแบบของการทดสอบการระคายเคือง

การจะผลิตเวชสำอางที่มีคุณสมบัติ Hypoallergenic ต้องผ่านการทดสอบการระคายเคืองซึ่งมีหลายรูปแบบ โดยแต่ละแบบก็มีวัตถุประสงค์และขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่
- การทดสอบ Patch Test (การทดสอบแบบปิด)
วิธีนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมโดยจะเป็นการนำผลิตภัณฑ์ไปทาบนผิวหนังของผู้ทดสอบ และจะมีการปิดทับบริเวณที่ทาด้วยแผ่นพลาสเตอร์ทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะเปิดออกเพื่อตรวจดูปฏิกิริยาของผิวหนัง เช่น รอยแดง ผื่นคัน หรืออาการบวม หากไม่พบอาการแพ้ในกลุ่มผู้ทดสอบ ผลิตภัณฑ์นั้นก็สามารถผ่านการรับรองได้
- การทดสอบแบบเปิด (Open Application Test)
เป็นการทาผลิตภัณฑ์ลงบนผิวของผู้เข้าร่วมการทดสอบในบริเวณที่กำหนด เช่น ท้องแขน โดยไม่ปิดอะไรทับ จากนั้นจะสังเกตปฏิกิริยาของผิวหนังในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ วิธีนี้ใช้สำหรับประเมินการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน
- การทดสอบในห้องปฏิบัติการ (In Vitro Test)
เป็นการทดสอบในหลอดทดลองโดยใช้เซลล์ผิวหนังที่เพาะเลี้ยงขึ้นมา เพื่อดูปฏิกิริยาของผลิตภัณฑ์ต่อเซลล์เหล่านั้น วิธีนี้เป็นทางเลือกที่รวดเร็ว และปลอดภัยกว่าการทดสอบในคน อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการทดสอบในคนควบคู่ไปด้วยเพื่อยืนยันผลลัพธ์ที่แม่นยำ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Hypoallergenic
แม้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า Hypoallergenic จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีข้อควรรู้บางประการที่ผู้บริโภค และผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจ โดยมีเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
- ไม่ได้หมายความว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ 100% : ถึงแม้จะผ่านการทดสอบมาแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายมาก ๆ หรือแพ้ส่วนผสมบางอย่างที่พบได้น้อย ดังนั้น Hypoallergenic เป็นการลดความเสี่ยง ไม่ใช่การกำจัดความเสี่ยงให้เป็นศูนย์
- ไม่มีมาตรฐานสากลที่กำหนด : คำว่า Hypoallergenic ไม่ได้มีคำจำกัดความที่ตายตัว หรือหน่วยงานที่รับรองในระดับสากล ทำให้แต่ละแบรนด์อาจมีเกณฑ์การทดสอบที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรพิจารณาข้อมูลการทดสอบ และส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ควบคู่กันไป
- ส่วนผสมที่ถูกคัดออก : โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่า Hypoallergenic มักจะหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่มักเป็นต้นเหตุของการแพ้ เช่น น้ำหอม สารแต่งสี พาราเบน สารกันเสีย หรือแอลกอฮอล์ ซึ่งบางผลิตภัณฑ์อาจจะจำเป็นต้องใส่สารเหล่านี้ลงไปบางชนิดในส่วนผสม
- ยังคงต้องทดสอบการแพ้ด้วยตัวเอง : แม้จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า Hypoallergenic ก็ยังควรทดสอบการแพ้บนผิวหนังบริเวณเล็ก ๆ ก่อนใช้จริงเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้
ถ้าหากคุณกำลังมองหาแนวทางในการผลิตเวชสำอางที่ตอบโจทย์ตลาดผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การให้ความสำคัญกับมาตรฐาน Hypoallergenic คือก้าวแรกที่จำเป็น เพราะการเลือกใช้ส่วนผสมที่อ่อนโยน และผ่านการทดสอบที่น่าเชื่อถือคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
และท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา
