ในตลาดสกินแคร์ที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่หน้าตาคล้ายกัน อะไรจะทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่น และแตกต่างได้บ้าง ? หนึ่งปัจจัยที่สำคัญคงจะเป็นการคัสตอมสารออกฤทธิ์ หรือการปรับแต่งส่วนผสมออกฤทธิ์ให้ตอบโจทย์ปัญหาผิวของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ปัจจัยนี้ถือได้ว่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์ และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณได้ไม่น้อย
บทความนี้ Cosmina จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าการคัสตอมส่วนผสมสำคัญอย่างไร และเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการผลิตครีมไวท์เทนนิ่ง หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้อย่างไรบ้าง

การคัสตอม Active Ingredient คืออะไร

คือกระบวนการปรับแต่งชนิด ความเข้มข้น หรือรูปแบบของสารออกฤทธิ์ในสูตรสกินแคร์ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์เฉพาะของแบรนด์ ไม่ใช่แค่การเลือกใช้สารที่นิยมทั่วไป แต่เป็นการเจาะลึกไปถึงกลไกการทำงานของสารนั้น ๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และโดดเด่นกว่าคู่แข่ง โดยมีจุดเด่นคือ

การใช้ส่วนผสมที่ถูกคัสตอมมาอย่างพิถีพิถันจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีจุดขายที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้น
การปรับความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ ให้เหมาะสมกับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างเต็มที่ และเห็นผลชัดเจนกว่า
แทนที่จะใช้สูตรสำเร็จทั่วไป คุณสามารถคัสตอมสารออกฤทธิ์เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวเฉพาะกลุ่ม เช่น การใช้ส่วนผสมพิเศษในการผลิตครีมไวท์เทนนิ่ง สำหรับผิวหมองคล้ำที่ต้องการความกระจ่างใส
การที่แบรนด์สามารถอธิบายถึงเหตุผลในการเลือกใช้สารออกฤทธิ์ และความเข้มข้นที่เหมาะสมได้อย่างละเอียด จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และยกระดับแบรนด์ให้ดูเป็นผู้เชี่ยวชาญ

ตัวอย่างแนวทางการคัสตอม Active Ingredient

การคัสตอมสารออกฤทธิ์ สามารถทำได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมาย โดยแนวทางที่นิยมมีดังนี้

การปรับความเข้มข้น
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เน้นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และชัดเจน เช่น เซรั่มลดเลือนริ้วรอย สามารถเพิ่มความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ เช่น เรตินอยด์ หรือเปปไทด์ให้สูงขึ้นได้ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้เริ่มต้น หรือผิวบอบบางอาจใช้ความเข้มข้นที่ต่ำลง

การเลือกใช้สารออกฤทธิ์ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
สารออกฤทธิ์บางชนิดมีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ เช่น วิตามินซีที่มีทั้ง Ascorbic Acid และอนุพันธ์อื่น ๆ ที่มีความคงตัวและอ่อนโยนกว่า การเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับสูตร และกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

การผสานสารออกฤทธิ์หลายชนิดเข้าด้วยกัน
สามารถผสมผสานสารออกฤทธิ์ ที่มีกลไกการทำงานเสริมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การผสมวิตามินซีเข้ากับวิตามินอี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือการผสมกรดไฮยาลูรอนิกเข้ากับ Niacinamide เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และแข็งแรง
การใช้เทคโนโลยีการนำพาสาร (Encapsulation)
สำหรับสารออกฤทธิ์ที่ไวต่อแสง หรืออากาศ การห่อหุ้มสารด้วยเทคโนโลยี Encapsulation จะช่วยปกป้องสารไม่ให้เสื่อมสภาพ และค่อย ๆ ปล่อยสารออกมาทำงานบนผิวได้อย่างยาวนาน และมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่ควรคำนึงเมื่อคัสตอม Active Ingredient

การคัสตอมสารออกฤทธิ์เป็นเรื่องที่ซับซ้อน และต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ดังนั้นจึงมีหลายสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด ได้แก่

ความเสถียรของสูตร : เมื่อมีการปรับเปลี่ยนความเข้มข้น หรือผสานสารออกฤทธิ์หลายชนิดเข้าด้วยกัน อาจส่งผลต่อความเสถียรของสูตรได้ ดังนั้นจึงต้องมีการทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์จะไม่เปลี่ยนสภาพ
ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ : การเพิ่มความเข้มข้นของสารอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ ดังนั้น การทดสอบความปลอดภัย และการระคายเคืองจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งก่อนวางขายจริง
ต้นทุนการผลิต : การคัสตอมสารออกฤทธิ์บางชนิดอาจมีต้นทุนที่สูงกว่าสูตรมาตรฐาน ดังนั้นผู้ประกอบการต้องพิจารณาต้นทุนให้เหมาะสมกับงบประมาณ และราคาขายที่ตั้งไว้
การอ้างอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ : ควรคัสตอมโดยอ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัย และหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพตามที่กล่าวอ้างได้จริง

ในตลาดที่ผู้บริโภคฉลาดเลือกมากขึ้น การใช้สูตรสำเร็จรูปอาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป การคัสตอมสารออกฤทธิ์ คือการแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด และเป็นการยกระดับแบรนด์ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการผลิตครีมไวท์เทนนิ่ง ครีมกันแดด หรือสกินแคร์ใด ๆ ก็ตามให้โดดเด่น และน่าเชื่อถือ

หากท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา