สารกันเสียในสกินแคร์

การคงสภาพของสกินแคร์ให้อยู่ได้นาน ไม่แปรสภาพ หรือปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ จำเป็นต้องมี “สารกันเสีย” แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคหลายคนอาจยังไม่เข้าใจบทบาทของสารกันเสียในสกินแคร์อย่างแท้จริง และมีคำถามที่ว่า “ถ้าไม่ใส่สารกันเสียเลยจะดีกว่าไหม ?” เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นในบทความนี้ Cosmina จะช่วยไขข้อสงสัย พร้อมอธิบายทางเลือกที่ปลอดภัยในยุคสกินแคร์สายคลีน

สารกันเสียในสกินแคร์คืออะไร มีอะไรบ้าง

สารกันเสีย (Preservatives) คือสารที่เติมลงในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง หรือสกินแคร์ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย ยีสต์ และรา ซึ่งสามารถเจริญเติบโตได้เมื่อมีน้ำ (Water-Based) เป็นองค์ประกอบ โดยเฉพาะในสกินแคร์ประเภทครีม เจล โลชั่น หรือโทนเนอร์ ที่มักมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม เช่น อากาศ นิ้วมือ หรือเครื่องมือที่ใช้ โดยสารกันเสียในสกินแคร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก คือ

สารกันเสียในสกินแคร์

 

  1. สารกันเสียสังเคราะห์ (Synthetic Preservatives)
    กลุ่มสารกันเสียนี้เป็นที่นิยมใช้มากที่สุดเพราะมีประสิทธิภาพสูง ราคาถูก และควบคุมคุณภาพได้ดี สารที่พบบ่อย เช่น Parabens, Phenoxyethanol, Formaldehyde Releasers ข้อดีของสารกันเสียสังเคราะห์คือช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ได้ครอบคลุม ใช้ในปริมาณน้อยแต่ได้ผลดี และยังคงสภาพได้ดีแม้ในอุณหภูมิ หรือ pH ที่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีข้อควรระวัง เช่น สารกลุ่มพาราเบนที่อาจส่งผลกับฮอร์โมนได้
  1. สารกันเสียจากธรรมชาติ (Natural-Derived Preservatives)
    สารกลุ่มนี้ได้จากธรรมชาติหรือเลียนแบบโครงสร้างธรรมชาติ และเป็นที่นิยมในแบรนด์ Clean Beauty, Organic หรือ Vegan เช่น Benzyl Alcohol (จากผลไม้ และชา), Sodium Benzoate, Potassium Sorbate สารเหล่านี้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการภาพลักษณ์ปลอดภัย เป็นมิตรกับผิวแพ้ง่าย แต่ประสิทธิภาพต้านเชื้ออาจไม่ครอบคลุมเท่ากลุ่มสังเคราะห์
  1. สารกันเสียชีวภาพ (Biotechnological Preservatives)
    สารที่ได้จากกระบวนการหมัก หรือเทคโนโลยีชีวภาพ โดยสารเหล่านี้เป็น “Postbiotic” หรือสารที่ได้จากการย่อยของแบคทีเรียดี ซึ่งช่วยต้านเชื้อ และสมานผิว อีกทั้งยังเหมาะกับสูตรธรรมชาติ หรือสำหรับผิวแพ้ง่ายมาก แต่ราคาอาจสูงกว่าสารกันเสียทั่วไป เช่น Gluconolactone, Lactobacillus Ferment เป็นต้น
  1. สารช่วยเสริมฤทธิ์สารกันเสีย (Preservative-Boosters)
     แม้ไม่ใช่สารกันเสียโดยตรง แต่สิ่งนี้ช่วยให้สารกันเสียหลักทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น Caprylyl Glycol, Ethylhexylglycerin โดยข้อดีของสารเสริมฤทธิ์คือ ลดความเข้มข้นของสารกันเสียหลักที่ต้องใช้ และลดโอกาสแพ้หรือระคายเคืองในสูตร

ทางเลือกสำหรับแบรนด์ที่ไม่อยากใช้สารกันเสียในสกินแคร์

หากผู้บริโภคเริ่มใส่ใจเรื่องสารกันเสียในสกินแคร์มากขึ้น แล้วจะมีทางไหนที่ปลอดภัย และยังคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไว้ได้บ้าง ?

  1. หันไปใช้ “สูตรปราศจากน้ำ”
    เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์เติบโตได้ยากในสภาวะที่ไม่มีน้ำ ทำให้ไม่ต้องใช้สารกันเสีย หรือใช้น้อยมาก ตัวอย่างเช่นสกินแคร์ในกลุ่มคลีนซิ่งบาล์ม ออยล์เซรั่ม ครีมกันแดดแบบสติ๊ก อย่างไรก็ตามสกินแคร์ประเภทนี้ต้องพัฒนาเนื้อสัมผัสให้ตอบโจทย์การใช้งาน และต้องระวังการปนเปื้อนตอนผู้ใช้เปิด-ปิดภาชนะ
  1. ใช้บรรจุภัณฑ์แบบ Airless
    ถ้ายังต้องการผลิตสกินแคร์สูตรที่มีน้ำอยู่โดยไม่ใช้สารกันเสีย พร้อมต้องการลดความเสี่ยงเรื่องเชื้อ สามารถเลือกใช้ขวดแบบ Airless Pump ได้ เช่น หลอดปั๊มสุญญากาศ เพื่อลดโอกาสที่จุลินทรีย์จากภายนอกจะเข้าสู่เนื้อผลิตภัณฑ์ แต่บรรจุภัณฑ์ประเภทนี้อาจมีราคาสูงขึ้น
  1. ใช้ค่า pH ที่ไม่เหมาะกับการเจริญของเชื้อโรค
    เชื้อแบคทีเรียมักเติบโตใน pH 4.5 – 7.5 การออกแบบสูตรให้มี pH ต่ำกว่าหรือสูงกว่าอาจจะช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อได้ โดยนิยมใช้ในโทนเนอร์ หรือเซรั่มบางสูตรร่วมกับกรดธรรมชาติ เช่น Lactic Acid อย่างไรก็ตาม ควรต้องทดสอบความคงตัว และความอ่อนโยนกับผิวอย่างละเอียดก่อน เพราะ pH ที่ต่ำอาจระคายเคืองในผิวแพ้ง่ายได้
  1. ผลิตแบบ Made-to-Order หรือปริมาณน้อย
    เหมาะกับผลิตภัณฑ์กลุ่มโฮมเมดสกินแคร์ หรือแบรนด์แนว Eco-friendly ช่วยลดความจำเป็นในการใส่สารกันเสียในสกินแคร์ เพราะสินค้ามักมีอายุสั้น ถูกใช้หมดเร็ว แต่ต้องแจ้งวันหมดอายุให้ชัดเจน เพราะวันหมดอายุอาจสั้นลง รวมถึงควรจัดเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม

แม้ว่าแนวโน้ม Clean Beauty จะทำให้หลายคนกังวลเรื่องสารกันเสียในสกินแคร์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสารเหล่านี้มีบทบาทในการยืดอายุผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยในการใช้ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และผ่านการทดสอบว่าปลอดภัยต่อผิว เพราะสุดท้ายแล้ว “สูตรที่ปลอดภัย” ไม่ได้แปลว่าต้องปราศจากทุกอย่าง แต่คือการเลือกอย่างมีเหตุผล และเหมาะกับผิวของตัวเอง

หากท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว