การสร้างแบรนด์สกินแคร์ไม่ได้มีแค่ต้นทุนวัตถุดิบ และค่าแรง แต่ยังมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงที่ผู้ประกอบการหลายคนมองข้าม ซึ่งถ้าหากไม่คำนวณให้ดี อาจกระทบต้นทุน และกำไรโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างแบรนด์ งบน้อย อาจเจออุปสรรคมากกว่าที่คิด แล้วค่าใช้จ่ายเหล่านี้มีอะไรบ้าง และจะบริหารจัดการอย่างไรให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างมั่นคง Cosmina มีคำตอบ
5 ค่าใช้จ่ายที่มักถูกมองข้ามในการสร้างแบรนด์สกินแคร์
เพื่อป้องกันต้นทุนบานปลาย ก่อนเริ่มสร้างแบรนด์ งบน้อย จึงอย่ามองแค่ต้นทุนผลิตต่อชิ้น แต่ต้องวางแผนค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้รอบด้าน ซึ่งรวมไปถึง 5 ค่าใช้จ่ายแฝง ดังนี้
- ค่าพัฒนา และทดสอบสูตร
– ค่าพัฒนาสูตรสกินแคร์ เป็นค่าจ้างนักเคมีเครื่องสำอางในการพัฒนาสูตรเฉพาะ ซึ่งหากต้องการให้ผลิตภัณฑ์มีเนื้อสัมผัส กลิ่น หรือสารออกฤทธิ์พิเศษ อาจต้องใช้เวลาทดลองหลายรอบ ค่าใช้จ่ายนี้จึงอาจเป็นภาระสำคัญสำหรับคนที่ สร้างแบรนด์ งบน้อย และต้องบริหารงบอย่างรอบคอบ
– ค่าทดสอบเสถียรภาพของสูตร เป็นค่าทดสอบว่าสูตรที่พัฒนาสามารถคงสภาพได้นานแค่ไหนในอุณหภูมิต่าง ๆ ซึ่งหากสูตรไม่เสถียร อาจเกิดการแยกชั้น เปลี่ยนสี เปลี่ยนกลิ่น หรือสูญเสียประสิทธิภาพ ทำให้ต้องพัฒนาสูตรใหม่
– ค่าทดสอบการระคายเคือง หากผลิตภัณฑ์ต้องเคลมว่า “อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย” หรือ “ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน” จะต้องมีการทดสอบ Hypoallergenic Test, Dermatologically Tested หรือ Non-Comedogenic Test โดยการทดสอบนี้ต้องใช้อาสาสมัครทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ และตรวจผลลัพธ์ทางคลินิกที่ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง
- ค่าบรรจุภัณฑ์ และการออกแบบ
– ค่าออกแบบโลโก้ ฉลาก และแพ็กเกจ เป็นสิ่งที่หลายคน สร้างแบรนด์ งบน้อย มักพยายามลดต้นทุน แต่หากทำไม่ดี อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์ในระยะยาว
– หากต้องการขวด หรือกระปุกที่เป็นเอกลักษณ์ ต้องมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นแม่พิมพ์ ซึ่งอาจมีราคาสูง และจำนวนสั่งผลิตขั้นต่ำมักอยู่ที่ 5,000 – 10,000 ชิ้น
– ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ฉลากแบบสกรีนลงขวด (Silk Screen Printing) หรือฉลากกันน้ำแบบพรีเมียม
- ค่ามาตรฐาน และขอใบรับรอง
– ค่าจดแจ้ง อย. เครื่องสำอางทุกชนิดต้องจดแจ้ง อย. ก่อนวางจำหน่าย ค่าใช้จ่ายอาจแตกต่างกันตามประเภทสินค้า
– สำหรับผู้ที่สร้างแบรนด์ งบน้อย อาจเลือกเริ่มจากสินค้าที่ไม่ซับซ้อนก่อน แล้วค่อยขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการใบรับรองเฉพาะทาง - ค่าเสียโอกาส และต้นทุนการผลิตที่ซ่อนอยู่
– หากประเมินความต้องการของตลาดผิดพลาด อาจเกิดการสั่งผลิตมากเกินไป ซึ่งถ้าขายไม่หมดอาจต้องทำโปรโมชั่นลดราคา หรือจำหน่ายในราคาต่ำกว่าต้นทุน
– ค่าเช่าโกดังเก็บสินค้าหากมีสินค้าสต็อกเป็นจำนวนมาก หรือค่าเช่าห้องควบคุมอุณหภูมิสำหรับสินค้าที่ต้องการการเก็บรักษาพิเศษ
– ค่ากำจัดสินค้าหมดอายุ หรือไม่ได้มาตรฐานก็เป็นต้นทุนที่ควรเตรียมรับมือ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ สร้างแบรนด์ งบน้อย ซึ่งอาจไม่มีงบรองรับมากนัก - ค่าโลจิสติกส์ และภาษีนำเข้า
– หากใช้วัตถุดิบพรีเมียม หรือสารสกัดเฉพาะทาง อาจต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีค่าภาษีนำเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องเสีย
– หากจัดการไม่ดี อาจกระทบต้นทุนอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่กำลังเริ่มสร้างแบรนด์ งบน้อย จำเป็นต้องวางแผนซัพพลายเชนให้แม่นยำ
– หากเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง อาจต้องทำประกันสินค้า (Cargo Insurance) เพื่อลดความเสี่ยง
หากท่านใดที่กำลังวางแผน สร้างแบรนด์ งบน้อย และต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตครีม เวชสำอาง และสกินแคร์ระดับพรีเมียมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล พร้อมประสบการณ์มากกว่า 46 ปี มั่นใจได้ว่าไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นด้วยงบมากหรือน้อย เราก็พร้อมช่วยให้แบรนด์ของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคง