หลายคนมีความฝันที่จะอยากมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง แต่เส้นทางจริงกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด แม้จะเริ่มต้นด้วยความตั้งใจดี แต่ก็ยังมีหลายจุดที่พลาดจนทำให้การสร้างแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองต้องหยุดอยู่กลางทาง เพราะอย่างนั้นแล้ว Cosmina เลยจะพาไปดู 5 จุดเสี่ยงที่ควรรู้ พร้อมวิธีแก้แบบตรงจุด เพื่อให้แบรนด์ไปต่อได้อย่างมั่นคง
ข้อผิดพลาดทั้ง 5 มีอะไรบ้าง
การเริ่มต้นสร้างแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองอาจดูน่าตื่นเต้น แต่ก็เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม เพราะแค่พลาดเพียงจุดเดียว ก็อาจทำให้แบรนด์ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ลองเช็กให้ครบกับ 5 จุดสำคัญต่อไปนี้
- วางคอนเซปต์ไม่ชัดเจนตั้งแต่แรก
หลายคนเริ่มจากเพียงแค่อยากมีแบรนด์ตัวเอง แต่ไม่ได้คิดให้ชัดว่าผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ใคร และต่างจากคนอื่นยังไง เช่น ผลิตครีมบำรุงผิวแบบทั่วไปโดยไม่มีเรื่องราว ไม่มีความเฉพาะ ส่งผลให้สินค้าไม่มีเอกลักษณ์ กลุ่มเป้าหมายไม่จดจำ ทำให้แข่งในตลาดยากมาก
ตัวอย่างวิธิแก้ :
– เริ่มจากการวิเคราะห์ลูกค้าเป้าหมายอย่างจริงจัง เช่น เพศ อายุ ปัญหาผิว พฤติกรรมการซื้อ
– วาง Positioning ให้ชัด เช่น “เวชสำอางสำหรับผิวติดสเตียรอยด์” หรือ “เครื่องสำอาง Cruelty-free สำหรับคนแพ้ง่าย”
- เลือกโรงงานผิด ไม่เหมาะกับสเกล หรือแนวทางแบรนด์
เจ้าของแบรนด์มือใหม่มักมองที่ราคาถูก หรือจำนวนขั้นต่ำไว้ก่อน โดยไม่พิจารณาความเชี่ยวชาญของโรงงาน หรือการควบคุมคุณภาพ ส่งผลให้ได้สินค้าที่ไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์แบรนด์ บางครั้งยังเจอปัญหาเรื่องการสื่อสารล่าช้า ไม่โปร่งใส หรือขาดการรับผิดชอบ
ตัวอย่างวิธิแก้ :
– เลือกโรงงานที่มีประสบการณ์ตรงกับสินค้าที่คุณจะผลิต
– ตรวจสอบเรื่องเอกสารมาตรฐาน เช่น GMP, ISO, อย., การจดแจ้งชื่อแบรนด์ให้คุณ
– พูดคุยเรื่องความยืดหยุ่น เช่น การปรับสูตร ความถี่ในการอัปเดต ฯลฯ
- ไม่เข้าใจต้นทุนจริง ทำให้ตั้งราคาขายผิด
เจ้าของแบรนด์หน้าใหม่บางคนตั้งราคาขายโดยดูแค่ต้นทุนผลิต เช่น คิดว่าผลิตขวดละ 80 บาท ขาย 150 บาท ก็มีกำไรแล้ว แต่ลืมคิดถึงต้นทุนที่ตามมา เช่น ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าจัดส่ง ค่าการตลาด ค่าโฆษณา ฯลฯ ทำให้สินค้าขาดทุนทั้งที่ดูเหมือนมีกำไร
ตัวอย่างวิธิแก้ :
– ทำบัญชีต้นทุนแบบละเอียด (Fixed Cost / Variable Cost)
– ตั้งราคาขายโดยใช้ ต้นทุนรวม + เป้าหมายกำไรขั้นต่ำ เช่น กำไรต่อชิ้นต้องไม่น้อยกว่า 50%
– อย่าลืมเผื่อ Margin สำหรับการขายส่ง / ตัวแทน / แพลตฟอร์ม E-commerce
- คิดสูตรเองโดยไม่มีพื้นฐาน หรือไม่ตรวจสอบความเป็นไปได้ก่อน
บางแบรนด์อยากผลิตครีมที่มีเนื้อพิเศษ สีพิเศษ หรือกลิ่นเฉพาะ แต่อาจไม่ทราบว่าบางทีเนื้อที่ต้องการนั้นไม่เสถียร แยกชั้นง่าย หรือใส่สารบางชนิดรวมกันแล้วทำให้เกิดปัญหา เช่น เนื้อแตก สีเปลี่ยน หรือทำให้ผู้บริโภคเกิดอาการแพ้ ผลที่ตามมาคือโรงงานต้องแก้สูตรหลายรอบ เสียเวลา และต้นทุนสูงขึ้น
ตัวอย่างวิธิแก้ :
– ปรึกษา R&D ของโรงงานตั้งแต่ต้น เพื่อให้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสูตรที่ต้องการ
– ศึกษาเบื้องต้นเรื่องโครงสร้างผลิตภัณฑ์ เช่น Emulsion, Active Ingredients, pH, ความเข้ากันของสาร
– ใช้บริการนักวิจัยสูตรเฉพาะทาง (หากโรงงานไม่มี R&D ที่เชี่ยวชาญ)
- ไม่วางแผนการตลาด และช่องทางขายไว้ล่วงหน้า
เมื่อสร้างแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองออกมาแล้ว แต่ไม่มีคนรู้จัก อาจเพราะไม่มีการเตรียมสร้างแบรนด์ สร้างตัวตน หรือทำตลาดไว้ก่อน บางแบรนด์ทำสินค้าพร้อมขายแล้ว แต่เพิ่งจะมาเริ่มทำเพจ ยิงแอด หาตัวแทนตอนนั้น ทำให้ยอดขายเริ่มช้ากว่าที่คิด
ตัวอย่างวิธิแก้ :
– เริ่มสร้างแบรนด์ในโลกออนไลน์ตั้งแต่ก่อนเริ่มผลิต
– ทำ Pre-Marketing เช่น เปิดเพจ แชร์เบื้องหลัง เล่าความตั้งใจของแบรนด์ ให้คนรู้จักก่อนสินค้าออก
– เตรียมกลยุทธ์การเปิดตัว เช่น Presale, ทดลองแจกกลุ่มเป้าหมาย, รีวิว, สร้างคอนเทนต์แบบให้ความรู้
การสร้างแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองให้สำเร็จ ไม่ได้มีแค่สินค้าดี แต่ต้องรู้วิธีคิดแบบเจ้าของธุรกิจ ทั้งเรื่องกลยุทธ์การวางแบรนด์ การเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม การควบคุมต้นทุน ไปจนถึงการวางแผนตลาดล่วงหน้า เมื่อวางแผนอย่างดีแล้วก็จะทำให้ปรับได้ทัน ช่วยเพิ่มโอกาส “อยู่รอด” และ “โตเร็ว” ได้จริงในตลาดที่แข่งกันสูงเช่นนี้
หากท่านใดที่กำลังวางแผนทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน พร้อมกับมีประสบการณ์มากกว่า 46 ปี ดังนั้นมั่นใจได้ว่าท่านจะได้พบเจอกับคุณภาพ และบริการที่ประทับใจหากได้มาปรึกษากับเรา