ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่กำลังวางแผนผลิตสกินแคร์ประเภทผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ แนวทางการทดสอบประสิทธิภาพตามมาตรฐาน อย. เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัย และมั่นใจว่าสามารถขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แนวทางนี้จะมีรายละเอียด และข้อปฏิบัติตามอย่างไรบ้าง บทความนี้ Cosmina มีคำตอบ !
แนวทางทดสอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว คืออะไร
แนวทางนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดขึ้นเพื่อให้ผู้ผลิตสกินแคร์ และผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิวหนังแล้วต้องล้างออกหลังใช้ เช่น เจลล้างหน้า สบู่เหลว แชมพู มีมาตรฐานการทดสอบประสิทธิภาพเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยวัตถุประสงค์ของแนวทางนี้ คือ
- เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องสำอางทำความสะอาดผิวสามารถขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และสารตกค้างได้ตามที่กล่าวอ้าง
- กำหนดแนวทางเพื่อป้องกันไม่ให้แบรนด์อ้างคุณสมบัติที่เกินจริง หรือทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด
- เพื่อตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง โดยเฉพาะผ่าน การทดสอบการระคายเคืองต่อผิวหนังอย่างเป็นระบบ
- เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ผลิตสกินแคร์สามารถพัฒนา และผลิตสินค้าตามแนวทางที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเครื่องสำอาง
หลักเกณฑ์ และวิธีการทดสอบที่ใช้ในการประเมิน
แนวทางการทดสอบของเครื่องสำอาง และสกินแคร์ทำความสะอาดผิวหนังเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่สุด และมีความปลอดภัย จะมุ่งเน้นไปที่ 3 หัวข้อหลัก ได้แก่
- ตรวจสอบการทำความสะอาดสิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกิน
การทดสอบนี้มีเป้าหมายเพื่อประเมินความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการขจัดสิ่งสกปรก คราบน้ำมัน และสารตกค้างบนผิว สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
– การใช้สารทดสอบแทนความสกปรกจริง (Artificial Sebum & Soil Removal Test) โดยใช้สารที่เลียนแบบน้ำมัน และสิ่งสกปรกที่พบในผิว ทาบนพื้นผิวที่ทดสอบ จากนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดล้างออกแล้วตรวจสอบสิ่งสกปรกตกค้างด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ต่าง ๆ เช่น วัดค่าการสะท้อนแสง หรือใช้กล้องจุลทรรศน์ เป็นต้น
– ตรวจสอบด้วยเทคนิค Spectrophotometry หรือ Imaging Analysis โดยใช้เครื่องมือวัดค่าความเข้มข้นของสารสกปรกก่อน และหลังทำความสะอาด เพื่อตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์กำจัดสิ่งสกปรกได้ดีแค่ไหน
- ตรวจสอบความอ่อนโยนต่อผิว
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ได้มาตรฐานต้องไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือเกิดผลข้างเคียงต่อผิวหนัง โดยวิธีตรวจสอบ มีทั้ง
– Human Patch Test หรือการทดสอบบนผิวหนังมนุษย์ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทาลงบนแผ่นปิดผิว (Patch) แล้วติดไว้ที่บริเวณแขน หรือหลังของอาสาสมัครประมาณ 24-48 ชั่วโมง จากนั้นตรวจสอบอาการแพ้ เช่น รอยแดง บวม อาการคัน ถือเป็นหนึ่งในวิธีของ การทดสอบการระคายเคืองต่อผิวหนังที่ได้รับการยอมรับ
– In Vitro Test การทดสอบในห้องปฏิบัติการ โดยใช้แบบจำลองผิวหนัง หรือเซลล์ผิว เพื่อดูผลกระทบของผลิตภัณฑ์ต่อเซลล์ ซึ่งวิธีนี้ยังช่วยประเมินความปลอดภัยขั้นต้นควบคู่ไปกับการทดสอบอาการระคายเคืองต่อผิวหนังบนมนุษย์
- ทดสอบค่า pH และความเข้ากันได้กับผิว
หากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมีค่า pH ไม่เหมาะกับผิว อาจทำให้ผิวระคายเคือง ขาดความสมดุล โดยมีวิธีที่สามารถทดสอบได้ คือ
– pH Measurement Test เป็นเครื่องวัดค่า pH วัดค่าความเป็นกรด-ด่างของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้แน่ใจว่าค่า pH อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับผิว โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 4.5-6.5
– Compatibility Test คือการทดสอบความเข้ากันได้กับผิวหนัง โดยทดสอบกับอาสาสมัครที่มีสภาพผิวแตกต่างกัน และตรวจว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ก่อให้เกิดการแพ้หรือไม่ซึ่งควรใช้ควบคู่กับการทดสอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม
สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังจะผลิตสกินแคร์ การทดสอบประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐานนั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากผิว เพราะจะเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์สามารถขจัดสิ่งสกปรกได้ดี อีกทั้งยังมีความอ่อนโยนต่อผิว และปลอดภัยกับผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อมีการทดสอบการระคายเคืองต่อผิวหนัง อย่างถูกต้องและครบถ้วน
หากท่านใดที่กำลังวางแผน สร้างแบรนด์ งบน้อย และต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถมาปรึกษา #COSMINA ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!! เพราะเราเป็นโรงงานรับผลิตครีม เวชสำอาง และสกินแคร์ระดับพรีเมียมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล พร้อมประสบการณ์มากกว่า 46 ปี มั่นใจได้ว่าไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นด้วยงบมากหรือน้อย เราก็พร้อมช่วยให้แบรนด์ของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคง